ESP32 คืออะไร? สอนการใช้งานเบื้องต้นพร้อมตัวอย่างโครงงาน
กำลังมองหาบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ ราคาประหยัด แต่ทำได้ครบทุกอย่าง ไหม?
ESP32 คือบอร์ดยอดนิยมที่เหมาะกับ นักศึกษา, Maker มือใหม่ และช่างไฟฟ้า ที่อยากเริ่มต้นทำโครงงาน IoT หรือระบบ Smart Farm อัตโนมัติ
หลายคนอาจสงสัยว่า
- “ESP32 ต่างจาก Arduino ยังไง?”
- “เริ่มต้นต้องใช้โปรแกรมอะไร?”
- “ต้องใช้โปรแกรมอะไรเขียนโค้ด?”
บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ตั้งแต่ จุดเด่น, การเปรียบเทียบกับ Arduino, การใช้งาน WiFi, Pinout, ไปจนถึงตัวอย่างโค้ด Arduino IDE
พร้อมทั้งแนะนำ โครงงานจริง ที่คุณสามารถทำตามได้ทันที แม้เพิ่งเริ่มต้น
สารบัญ
- ESP32 คืออะไร? (อัปเดตปี 2025)
- ทำไมควรใช้ ESP32 ในโปรเจกต์ IoT และ Smart Farm
- จุดเด่นและสเปกของบอร์ด ESP32
- เปรียบเทียบ ESP8266, ESP32 และ Arduino UNO (สำหรับผู้เริ่มต้น)
- ESP32 Pinout – แผนผังพินและการใช้งาน
- ESP32 WiFi: วิธีเชื่อมต่อและใช้งานในระบบ IoT
- ESP32 Preferences: เก็บค่าถาวรในบอร์ดได้อย่างไร
- ESP32 Communication
- วิธีติดตั้ง Arduino IDE สำหรับ ESP32
- ตัวอย่างโครงงาน ESP32 สำหรับนักศึกษาและ Maker
- เซนเซอร์พื้นฐานที่ใช้กับ ESP32
- ESP32 ซื้อที่ไหน
ESP32 คืออะไร? (อัปเดตปี 2025)
ESP32 เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์จากบริษัท Espressif Systems ที่มีทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำโปรเจกต์ IoT, Smart Home หรือ Smart Farm เพราะสามารถเชื่อมต่อกับเซนเซอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าได้โดยตรง ผ่านการเขียนโปรแกรมด้วย Arduino IDE หรือ PlatformIO ทำให้ใช้งานง่ายแต่ทรงพลัง เหมาะทั้งสำหรับนักศึกษาและ Maker มือใหม่
ทำไมควรใช้ ESP32 ในโปรเจกต์ IoT และ Smart Farm
การเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว
หนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของ ไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32 คือมันมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ หรืออินเทอร์เน็ตทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องใช้โมดูลแยกต่างหาก จึงประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโปรเจกต์
ราคาประหยัด
เมื่อเทียบกับไมโครคอนโทรลเลอร์อื่น ๆ เช่น Raspberry Pi หรือ Arduino โดยเฉพาะ ESP32 มีราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับการใช้งานในฟาร์มอัจฉริยะหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อกับหลายอุปกรณ์หรือเซนเซอร์
ความสามารถที่หลากหลาย
บอร์ดESP32 มีฟีเจอร์หลากหลายที่ช่วยให้สามารถใช้กับงานหลายประเภท เช่น การควบคุมอุปกรณ์ผ่าน GPIO Pins, การใช้งาน PWM, การเชื่อมต่อ I2C และ SPI, รวมถึงการทำงานกับ เซนเซอร์ และ อุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างลงตัว

จุดเด่นและสเปกของบอร์ด ESP32
Dual-core processor
ไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32 มาพร้อมกับ โปรเซสเซอร์ 2 แกน (Dual-core processor) ซึ่งสามารถประมวลผลหลายงานพร้อมกันได้ ทำให้โปรเจกต์ที่ต้องการการประมวลผลหลาย ๆ อย่างสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Low power consumption
การใช้พลังงานต่ำเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ บอร์ดESP32 ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้งานในระบบที่ต้องการการทำงานตลอดเวลา เช่น Smart Farm ที่ควบคุมการให้น้ำหรือสภาพแวดล้อมในฟาร์มอัจฉริยะ
GPIO pins
ESP32 มี GPIO pins ที่หลากหลาย ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเซนเซอร์หลายประเภท เช่น เซนเซอร์ความชื้นในดิน, เซนเซอร์อุณหภูมิ, เซนเซอร์ pH หรือแม้แต่การควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น รีเลย์ หรือ มอเตอร์
รองรับการใช้งานกับ Cloud
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ทำให้ ไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนา Smart Farm คือมันสามารถเชื่อมต่อกับ Cloud ได้ เช่น การใช้ Firebase, AWS, หรือ ThingSpeak เพื่อเก็บข้อมูลจากเซนเซอร์และแสดงผลผ่านแอปหรือเว็บไซต์
เปรียบเทียบ ESP8266, ESP32 และ Arduino UNO (สำหรับผู้เริ่มต้น)
👉 หากคุณยังลังเลว่า ควรเลือก Arduino UNO, ESP8266 หรือ ESP32 สำหรับโปรเจกต์ IoT หรือ Smart Farm ของคุณ ลองดูตารางเปรียบเทียบนี้ก่อนครับ จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นในไม่กี่นาที
| คุณสมบัติ | ESP8266 | ESP32 | Arduino UNO (ATmega328P) |
|---|---|---|---|
| CPU | Single-core 80–160 MHz | Dual-core 240 MHz (Tensilica LX6) | 8-bit AVR 16 MHz |
| RAM | ~160 KB | 520 KB (SRAM) | 2 KB |
| Flash | 4 MB (ขึ้นกับบอร์ด) | สูงสุด 16 MB | 32 KB |
| การเชื่อมต่อไร้สาย | Wi-Fi (802.11 b/g/n) | Wi-Fi + Bluetooth Classic + BLE | ❌ ไม่มี |
| GPIO | ~17 ขา | ~30–38 ขา | 14 ขา (6 Analog) |
| ADC (Analog Input) | 1 ช่อง (10-bit) | สูงสุด 18 ช่อง (12-bit) | 6 ช่อง (10-bit) |
| DAC (Analog Output) | ❌ ไม่มี | 2 ช่อง (8-bit DAC) | ❌ ไม่มี |
| PWM | ได้ (ซอฟต์แวร์) | ได้ทุกขา (ความละเอียดสูง) | ได้ 6 ขา (8-bit) |
| I2C / SPI / UART | มี แต่จำกัด | มีครบหลายช่อง | มี แต่จำกัด |
| การใช้พลังงาน | ประหยัด แต่ Sleep mode ยังสู้ ESP32 ไม่ได้ | ประหยัดมาก (Deep sleep ~10 µA) | ใช้ไฟมากกว่า ESP |
| ราคาประมาณ | 80–120 บาท | 120–300 บาท | 200–300 บาท |
| ความเหมาะสม | IoT เบื้องต้น, โปรเจกต์ Wi-Fi ง่าย ๆ | IoT จริงจัง, Smart Farm, Automation | เรียนรู้พื้นฐานไมโครคอนโทรลเลอร์ |

🔑 สรุปสั้น ๆ
Arduino UNO → ดีสำหรับเรียนพื้นฐานอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไม่มีการเชื่อมต่อไร้สายในตัว
ESP8266 → ราคาถูก เหมาะกับโปรเจกต์ IoT ง่าย ๆ แต่พินน้อยและขาดฟีเจอร์บางอย่าง
ESP32 → ครบสุด ทั้ง Wi-Fi + Bluetooth, พินเยอะ, ฟังก์ชันจัดเต็ม เหมาะกับ Smart Farm และ IoT สมัยใหม่

📌 ESP32 Pinout – แผนผังพินและการใช้งาน
ESP32 Pinout คือผังบอกตำแหน่งและหน้าที่ของพินต่าง ๆ บนบอร์ด ESP32 เช่น GPIO, ADC, PWM, I2C, UART, Touch Sensor ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญก่อนต่อวงจรหรือเขียนโค้ด เพราะการเลือกพินผิดอาจทำให้บอร์ดทำงานไม่ถูกต้องหรือบูตไม่ขึ้น
ตัวอย่างสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ Pinout:
พิน GPIO 34–39 ใช้เป็น Input เท่านั้น
พิน GPIO 6–11 เชื่อมกับ SPI Flash ภายใน หลีกเลี่ยงการใช้งาน
พิน ADC2 จะไม่ทำงานขณะเปิดใช้งาน Wi-Fi
พินบางตัวเป็น Strapping Pins ที่มีผลต่อการบูต
📖 อ่านคู่มือแบบเต็ม พร้อมตารางพินได้ที่ ESP32 Pinout DEVKIT V1
หนึ่งในจุดเด่นของ บอร์ดESP32 คือการมีโมดูล WiFi ภายใน ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้โดยไม่ต้องใช้โมดูลเสริมเหมือน Arduino รุ่นเก่า การมี WiFi ในตัวเปิดโอกาสให้สร้างโปรเจกต์ IoT ที่เชื่อมต่อและควบคุมผ่านอินเทอร์เน็ต หรือทำงานในเครือข่าย Local Network ได้ทันที
ESP32 รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11 b/g/n (2.4 GHz) สามารถทำงานได้หลายโหมด เช่น
- Station Mode (STA) – เชื่อมต่อกับเราเตอร์เพื่อใช้อินเทอร์เน็ต
- Access Point Mode (AP) – สร้าง WiFi Hotspot ของตัวเอง
- AP + STA Mode – ทำงานเป็น Hotspot และเชื่อมกับเราเตอร์ไปพร้อมกัน
📖 อ่านบทความ: การเชื่อมต่อ ESP32 เข้ากับ WiFi เบื้องต้น
📌 ตัวอย่างการใช้งาน WiFi บน ESP32:
- สร้าง Web Server เพื่อควบคุมอุปกรณ์ผ่านเบราว์เซอร์ (อ่านเพิ่มเติม)
- ใช้ร่วมกับ WebSocket เพื่อควบคุมแบบ Real-time (คู่มือ ESPAsyncWebServer)
- ใช้ WiFiManager เพื่อเปลี่ยนค่า SSID/Password โดยไม่ต้องแก้โค้ด (อ่านเพิ่มเติม)
💡 Tip:
เลือกใช้โหมด WiFi ให้เหมาะกับโปรเจกต์ เช่น ถ้าต้องการให้มือถือเชื่อมต่อโดยตรง ให้ใช้ Access Point Mode แต่ถ้าต้องการสั่งงานจากที่ไหนก็ได้ ให้ใช้ Station Mode ร่วมกับอินเทอร์เน็ต
💾 ESP32 Preferences: เก็บค่าถาวรในบอร์ดได้อย่างไร
Preferences คือระบบจัดเก็บข้อมูลแบบถาวรในหน่วยความจำ Flash ของ ESP32 ทำงานคล้ายกับการเก็บค่าใน EEPROM แต่มีความยืดหยุ่นกว่า เพราะสามารถเก็บข้อมูลเป็นคู่ key–value และแยกเป็นกลุ่ม (namespace) ได้
ข้อดีของ Preferences คือ:
ข้อมูลไม่หายแม้ปิดไฟหรือรีเซ็ตบอร์ด
เก็บได้ทั้งตัวเลข, ข้อความ และค่าประเภทอื่น ๆ
อ่าน–เขียนข้อมูลได้ง่ายด้วยฟังก์ชัน put และ get
ตัวอย่างการใช้งาน:
เก็บค่า WiFi SSID/Password เพื่อให้บอร์ดเชื่อมต่ออัตโนมัติ
บันทึกค่าการตั้งค่าอุปกรณ์ เช่น อุณหภูมิเป้าหมาย หรือโหมดทำงาน
จดจำสถานะรีเลย์ก่อนปิดเครื่อง
📖 ดูโค้ดตัวอย่างและคำอธิบายเต็มได้ที่ ESP32 เก็บข้อมูลด้วย Preferences
ประเภทการสื่อสารหลักใน ESP32
1) UART (Serial Communication)
- ใช้สายแค่ 2 เส้น → TX (ส่งข้อมูล), RX (รับข้อมูล)
- เหมาะสำหรับ Debug ข้อมูลผ่าน Serial Monitor หรือคุยกับโมดูลภายนอก เช่น GPS, RFID
- ใช้งานง่ายมาก แค่ Serial.begin(115200);
2) I2C (Inter-Integrated Circuit)
- ใช้สาย 2 เส้น → SDA (ข้อมูล) และ SCL (สัญญาณนาฬิกา)
- ต่ออุปกรณ์หลายตัวในบัสเดียวกันได้ (Address แยกกัน)
- นิยมต่อ จอ LCD, OLED, เซนเซอร์วัดความดัน, ความชื้น
3) SPI (Serial Peripheral Interface)
- ใช้สำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการความเร็วสูง
- มีสายหลัก 4 เส้น → MISO, MOSI, SCK, CS
- ตัวอย่างการใช้งาน: จอสี TFT, โมดูล SD Card, RFID ความเร็วสูง
4) CAN Bus
- ใช้ในงาน อุตสาหกรรมหรือยานยนต์
- ทนสัญญาณรบกวนได้ดี เหมาะกับการสื่อสารระยะไกล
- ESP32 บางรุ่นรองรับ CAN Bus โดยตรง
5) 1-Wire
- ใช้สายเพียงเส้นเดียวสำหรับคุยกับอุปกรณ์
- ประหยัดสาย แต่ความเร็วต่ำกว่า I2C และ SPI
- ตัวอย่างที่ใช้บ่อย: DS18B20 (เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ)
6) HTTP GET/POST
- สื่อสารผ่าน โปรโตคอล HTTP บนเครือข่าย Wi-Fi
- GET → ใช้ดึงข้อมูลจาก Web Server (เช่น ค่า Config, API พยากรณ์อากาศ)
- POST → ใช้ส่งข้อมูล เช่น ค่าเซนเซอร์ ไปเก็บใน Server หรือ Database
- เหมาะกับการทำ IoT Project, Smart Farm, Dashboard บน Cloud
- ใช้งานง่ายด้วยไลบรารี WiFi.h และ HTTPClient.h
👉 ดูวิธีใช้งาน HTTP GET POST
7) ESP-NOW
- โปรโตคอลพิเศษของ ESP32 ที่พัฒนาโดย Espressif
- สื่อสารกันได้ โดยไม่ต้องมี Wi-Fi Router
- เหมาะกับ อุปกรณ์หลายตัวในระยะ 50–100 เมตร เช่น Node Sensor หลายจุดในฟาร์ม
- กินพลังงานต่ำ ส่งข้อมูลเร็ว และมี Latency ต่ำกว่า HTTP/MQTT
- เหมาะกับการทำ Sensor Network แล้วให้ Node หลักเชื่อมต่อออกอินเทอร์เน็ตอีกที
👉 ดูวิธีใช้งาน LCD I2C กับ ESP32
วิธีติดตั้ง Arduino IDE สำหรับ ESP32
ถ้าคุณอยากเริ่มต้นเขียนโค้ดให้บอร์ด ESP32 ทำงาน สิ่งที่สะดวกที่สุดคือ Arduino IDE
เพราะเป็นโปรแกรมฟรี ติดตั้งง่าย และมีไลบรารีรองรับ ESP32 ครบถ้วน เหมาะสำหรับมือใหม่จนถึง Maker มือเก๋า
จุดเด่นของ Arduino IDE
- ใช้งานฟรี ดาวน์โหลดได้ทั้ง Windows, macOS และ Linux
- รองรับบอร์ดหลากหลาย ไม่เฉพาะ ESP32 แต่รวมถึง Arduino, ESP8266 และบอร์ดอื่น ๆ
- ไลบรารีเยอะ เช่น DHT22, BH1750, Soil Moisture, Relay Control
- โค้ดอ่านง่าย โครงสร้างชัดเจน มีแค่ setup() และ loop()
- Serial Monitor ในตัว สำหรับดูค่าที่ ESP32 ส่งกลับแบบเรียลไทม์
เรียนรู้การติดตั้งใช้งาน Arduino IDE ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง ที่นี่เลย: Arduino IDE Guide
ฟังก์ชันพื้นฐานที่ใช้บ่อย
digital I/O →
👉 เรียนรู้การใช้งานขาดิจิทัลกับ ESP32 เช่น การเปิด–ปิด LED หรืออ่านปุ่มกด
สอนใช้งาน Digital I/O ESP32
analogRead() →
👉 การอ่านค่าแรงดันไฟฟ้าจากขา ADC ของ ESP32 เพื่อนำไปใช้กับเซนเซอร์ เช่น Soil Moisture หรือ LDR
ESP32 อ่านค่าจากขาอนาล็อก analogRead()
PWM (analogWrite/LEDC) →
👉 ควบคุมความสว่างของ LED หรือความเร็วพัดลมด้วย PWM บน ESP32 โดยใช้ฟังก์ชัน ledcWrite
ESP32 PWM Guide ควบคุมอุปกรณ์ด้วยสัญญาณ PWM
ArduinoJson →
👉 จัดการข้อมูล JSON บน ESP32 สำหรับการส่งค่าเซนเซอร์ไปยังเว็บหรือแอปมือถือ
คู่มือใช้งาน ArduinoJson กับ ESP32
การประยุกต์ใช้ ESP32 ในระบบ Smart Farm
การควบคุมการให้น้ำอัตโนมัติ
ในฟาร์มอัจฉริยะที่ใช้ ESP32, ระบบการให้น้ำอัตโนมัติสามารถทำได้โดยการใช้ เซนเซอร์ความชื้นในดิน ร่วมกับ ESP32 เพื่อตรวจสอบระดับความชื้นในดิน และเปิด-ปิดปั๊มน้ำตามความเหมาะสม เช่น เมื่อดินแห้งมากเกินไป ESP32 จะเปิดปั๊มน้ำเพื่อให้น้ำและปิดเมื่อระดับความชื้นในดินถึงเกณฑ์ที่กำหนด
การตรวจสอบสภาพอากาศ
การใช้ เซนเซอร์อุณหภูมิและความชื้น เช่น DHT22 หรือ AM2302 ช่วยให้ ESP32 สามารถตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ เช่น การควบคุมอุณหภูมิในเรือนกระจกหรือสภาพแวดล้อมของฟาร์ม
การวัดค่า pH ของดิน
การใช้ เซนเซอร์ pH เพื่อวัดความเป็นกรด-ด่างของดินนั้นเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมคุณภาพดินในฟาร์ม ESP32 สามารถใช้เซนเซอร์เหล่านี้เพื่อปรับสภาพแวดล้อมในฟาร์มให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูก
ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้งาน ESP32
การติดตั้ง Arduino IDE
ในการเริ่มต้นใช้งาน ESP32, ผู้ใช้ต้องติดตั้ง Arduino IDE เพื่อเขียนโค้ดและอัปโหลดไปยัง ESP32 การติดตั้งไลบรารีสำหรับ ESP32 และการตั้งค่าพอร์ตการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น
การเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการเชื่อมต่อ ESP32 กับ Wi-Fi เพื่อให้มันสามารถติดต่อกับระบบคลาวด์หรือแอปมือถือได้ การเขียนโค้ดสำหรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi เป็นขั้นตอนเบื้องต้นที่คุณสามารถลองทำตาม
ทดลองโปรเจกต์ตัวอย่าง
หลังจากที่ได้ติดตั้งไลบรารีและเชื่อมต่อ ESP32 กับ Wi-Fi แล้ว คุณสามารถเริ่มต้นด้วยโปรเจกต์ง่าย ๆ เช่น การควบคุมการเปิด/ปิดไฟด้วย ESP32 ผ่านแอปมือถือ
ทำไมเรา Deva DIY เลือกใช้ ESP32 สำหรับ Smart Farm?
ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและมีความชื้นสูง ESP32 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการควบคุมและตรวจสอบสภาพแวดล้อมในฟาร์มอัจฉริยะ ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อ Wi-Fi, ความยืดหยุ่นในการใช้งาน และราคาที่เหมาะสม ESP32 จึงเป็นเครื่องมือที่ดีในการช่วยให้ฟาร์มสามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างโครงงาน ESP32 สำหรับนักศึกษาและ Maker
ถ้ารู้แล้วว่า ESP32 คืออะไร สิ่งที่หลายคนสนใจต่อมาคือ แล้วมันเอาไปทำอะไรได้จริงบ้าง?
บอกเลยว่า ESP32 เป็นบอร์ดที่เกิดมาเพื่อสาย Maker และนักศึกษา เพราะนอกจากราคาถูกแล้ว ยังต่อยอดทำโครงงานอัตโนมัติได้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ
- เครื่องวัดอุณหภูมิ ความชื้น แสง
- ระบบควบคุมไฟบ้านผ่านมือถือ
- IoT Dashboard แสดงค่าจากเซนเซอร์
ทั้งหมดนี้ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเขียนโค้ดผ่าน Arduino IDE หรือ PlatformIO และเชื่อมต่อกับมือถือ/คอมพิวเตอร์ผ่าน WiFi หรือ Bluetooth
โครงงาน ESP32: PoPo SmartFarm
หนึ่งในโครงงานที่พัฒนาต่อยอดจาก บอร์ดESP32 คือ PoPo SmartFarm – ระบบฟาร์มอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านแอปมือถือได้จริง
- ใช้ ESP32 เชื่อมต่อกับเซนเซอร์ (อุณหภูมิ, ความชื้น, แสง) และอุปกรณ์รีเลย์ (ปั๊มน้ำ, พัดลม, ไฟส่องสว่าง)
- ทำงานแบบ เรียลไทม์ ผ่านการเชื่อมต่อ WebSocket
- ผู้ใช้สามารถสั่งงาน/ตั้งค่าอัตโนมัติได้จาก แอป PoPo ที่พัฒนาโดย Deva DIY
- เหมาะกับการเรียนรู้ระบบ Smart Farm Automation และต่อยอดไปยังการทำ IoT เต็มรูปแบบ
👉 อ่านรายละเอียดโครงงานเต็มได้ที่ PoPo SmartFarm – ระบบฟาร์มอัจฉริยะด้วย ESP32 + App
👉 ถ้าอยากลองเริ่มทำจริง ลองดู ตัวอย่างโครงงาน ESP32 ที่เราได้รวบรวมไว้ในหมวดนี้ได้เลย: โครงงาน DIY ด้วย ESP32

เซนเซอร์พื้นฐานที่ใช้กับ ESP32
หนึ่งในเหตุผลที่ ESP32 ได้รับความนิยม คือมันสามารถต่อกับ เซนเซอร์หลากหลายชนิด เพื่อทำโปรเจกต์ IoT และ Smart Farm ได้ง่าย ๆ มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ แค่มีบอร์ด ESP32 + เซนเซอร์พื้นฐานก็ทำงานได้ทันที
🔹 ตัวอย่างเซนเซอร์ยอดนิยม
- DHT22 / DHT11 – วัดอุณหภูมิและความชื้น
ใช้ทำระบบควบคุมพัดลม, ปั๊มน้ำ, หรือโรงเรือน Smart Farm
👉 ตัวอย่างการใช้งาน ESP32 DHT22- Soil Moisture Sensor – วัดความชื้นในดิน
ใช้สร้างระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติในบ้านหรือฟาร์ม
👉 โครงงาน ESP32 รดน้ำอัตโนมัติ- BH1750 – เซนเซอร์วัดแสง
ใช้ตรวจสอบปริมาณแสงแดด ควบคุมไฟเสริม หรือระบบเปิด–ปิดไฟอัตโนมัติ
👉 คู่มือ ESP32 BH1750
👉 ESP32 อ่านค่าเซนเซอร์แสง BH1750 ควบคุมไฟอัตโนมัติ- MQ-2 – เซนเซอร์ตรวจจับแก๊สและควันเหมาะกับระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยในบ้านหรือโรงงาน👉 การใช้งาน ESP32 MQ-2
🛒 ESP32 ซื้อที่ไหน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากลองเล่น ESP32 ดูบ้างแล้ว คำถามคือ… จะหาซื้อบอร์ด ESP32 ได้ที่ไหน?
🔹 ช่องทางที่นิยม
- ร้านค้าออนไลน์ หรือร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ร้านค้า Maker – บางมหาวิทยาลัยหรือศูนย์วิทยาศาสตร์มีจำหน่ายบอร์ด ESP32 และอุปกรณ์เสริม
- ต่างประเทศ – AliExpress, Amazon สำหรับคนที่อยากได้รุ่นเฉพาะหรือราคาประหยัด (แต่ต้องรอของนานหน่อย)
🔹 เลือกรุ่นไหนดี
- ESP32 DevKit V1 → รุ่นมาตรฐาน ใช้ง่าย เหมาะกับมือใหม่
- ESP32-CAM → ใช้ทำงานเกี่ยวกับกล้อง ถ่ายรูป หรือสตรีมวิดีโอ
- ESP32 WROOM / WROVER → รุ่นโมดูล สำหรับงานที่ต้องการต่อยอดจริงจัง
🔹 เคล็ดลับก่อนซื้อ
- ดูรีวิวจากผู้ซื้อก่อน เพื่อเลี่ยงบอร์ดคุณภาพต่ำ
- เลือกบอร์ดที่มีสาย USB แถมมาด้วย จะสะดวกตอนเริ่มต้น
- ถ้าเป็นมือใหม่ แนะนำซื้อ บอร์ด + สาย + Sensor Kit แบบชุด จะได้ไม่ต้องหาของเพิ่ม
👉 พร้อมเริ่มต้นแล้วหรือยัง?
เรามีหน้ารวมสินค้า ESP32 และอุปกรณ์เสริม ที่คัดมาแล้วสำหรับ Maker มือใหม่
ร้านค้า Partner ของ DevaDIY คุณสามารถเลือกซื้อได้ที่นี่ 👇

สรุป
ESP32 เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มีคุณสมบัติครบครันสำหรับการพัฒนา Smart Farm ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth, รองรับเซนเซอร์และอุปกรณ์หลายประเภท รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Cloud ได้ ทำให้ ESP32 เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการพัฒนาระบบ ฟาร์มอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตร
🔹 FAQ สำหรับบทความ ESP32 คืออะไร
ESP32 คืออะไร?
ESP32 เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ที่มาพร้อม Wi-Fi และ Bluetooth ในตัว พัฒนาโดยบริษัท Espressif ใช้ได้ทั้งงาน IoT, Smart Home, Smart Farm และงานควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป
ESP32 ต่างจาก Arduino อย่างไร?
Arduino UNO ใช้ ATmega328P ที่ไม่มี Wi-Fi/Bluetooth ในตัว ส่วน ESP32 มีการเชื่อมต่อไร้สายครบ พร้อมความเร็วสูงกว่าและมีพินมากกว่า
ESP32 มีรุ่นอะไรบ้าง?
รุ่นยอดนิยม เช่น ESP32-WROOM-32, ESP32-S3, ESP32-C3 แต่ละรุ่นมีสเปกแตกต่างกัน เช่น จำนวน core, หน่วยความจำ และการรองรับ Bluetooth LE
ESP32 ใช้ภาษาอะไรเขียนได้บ้าง?
เขียนโปรแกรมได้หลายภาษา เช่น C/C++ ผ่าน Arduino IDE, MicroPython, Lua, และ ESP-IDF (Framework ของ Espressif)
ESP32 ราคาเท่าไหร่?
ราคาประมาณ 120–300 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและร้านค้า ในไทยส่วนใหญ่มีขายทั้งออนไลน์และร้านอิเล็กทรอนิกส์
ESP32 ใช้ไฟกี่โวลต์?
โดยทั่วไป ESP32 ใช้ไฟเลี้ยง 3.3V (แต่บอร์ด DevKit มักจ่ายด้วย 5V ผ่าน USB ได้ เพราะมีวงจรแปลงในตัว)
ESP32 มีพินกี่ขา?
ขึ้นอยู่กับบอร์ด ส่วนใหญ่ ESP32 DevKit V1 มีประมาณ 30–38 ขา รองรับทั้ง Digital, Analog (ADC), PWM, I2C, SPI, UART
ESP32 ใช้ทำ IoT ได้ไหม?
ได้แน่นอน เพราะ ESP32 รองรับ Wi-Fi และ MQTT, HTTP, WebSocket รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ Cloud เช่น Firebase, AWS, Azure
ESP32 ใช้กับ Arduino IDE ได้หรือไม่?
ได้ ใช้ง่ายมาก เพียงติดตั้ง ESP32 Board Manager ใน Arduino IDE ก็สามารถเขียนโค้ดและอัปโหลดเข้าสู่บอร์ดได้ทันที
ESP32 เหมาะกับใคร?
เหมาะกับ Maker, นักเรียน, นักพัฒนา IoT, เกษตรกรที่ต้องการระบบ Smart Farm และผู้ที่สนใจงานอัตโนมัติราคาประหยัด






