โหมด Auto ในระบบ PoPo คืออะไร?
หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของ PoPo Smart Farm คือการควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ หรือที่เราเรียกว่า โหมด Auto ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยเปิด-ปิดอุปกรณ์เองตลอดเวลา แต่ระบบจะใช้ค่าจากเซนเซอร์เป็นตัวตัดสินใจแทน เช่น เปิดพัดลมเมื่อร้อนเกินไป เปิดปั๊มน้ำเมื่อดินแห้ง หรือเปิดพ่นหมอกเมื่อความชื้นในอากาศต่ำ
พูดง่าย ๆ คือ โหมด Auto ทำหน้าที่เป็น “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่คอยดูแลฟาร์มให้สมดุลตลอดเวลา
ก่อนจะเริ่มทำโปรเจกต์ ลองไปทำความรู้จัก ESP32 และฟีเจอร์เด่นที่คุณควรรู้ กันก่อน
VDO สาธิตการทำงานระบบ Auto
หลักการทำงานของโหมด Auto
- อ่านค่าเซนเซอร์ (Sensor Reading)
PoPo จะรับค่าจากเซนเซอร์ต่าง ๆ เช่น
DHT22 → อุณหภูมิและความชื้นอากาศ
Soil Moisture → ความชื้นในดิน
Light Sensor → ความเข้มแสง
- เปรียบเทียบกับค่าที่ตั้งไว้ (Setpoint)
ผู้ใช้สามารถกำหนดเกณฑ์ เช่น
อุณหภูมิ > 32°C → เปิดพัดลม
ความชื้นดิน < 40% → เปิดปั๊มน้ำ
ความชื้นอากาศ < 55% → เปิดพ่นหมอก
- สั่งงานอุปกรณ์ (Relay Control)
ระบบจะสั่งเปิด/ปิดรีเลย์อัตโนมัติ
เมื่อค่ากลับเข้าสู่ช่วงที่เหมาะสม อุปกรณ์ก็จะหยุดทำงานเอง
สรุปคือ เซนเซอร์ → เปรียบเทียบค่า → ควบคุมอุปกรณ์ แบบ Real-time
ความแตกต่างของโหมด Auto, Manual และ Timer
| โหมด | วิธีทำงาน | เหมาะสำหรับ |
|---|---|---|
| Manual | ผู้ใช้กดเปิด-ปิดอุปกรณ์เองผ่านแอป | การทดลองใช้งาน, ควบคุมเฉพาะกิจ |
| Timer | ตั้งเวลาเปิด-ปิดตามตาราง เช่น เปิดไฟ 18:00–22:00 | การเปิดไฟ Glow Light ช่วงกลางวัน |
| Auto | ใช้ค่าเซนเซอร์เป็นตัวตัดสินใจอัตโนมัติ | ฟาร์มอัจฉริยะ, ต้องการความแม่นยำต่อสภาพแวดล้อม |
ดังนั้น หากต้องการระบบที่ “ทำงานเองอัตโนมัติ” โดยแทบไม่ต้องเฝ้าเลย โหมด Auto คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
หลักการควบคุมอุปกรณ์แบบอัตโนมัติ
การทำงานของโหมด Auto ใน PoPo Smart Farm อาศัย ค่าจากเซนเซอร์ มาช่วยตัดสินใจว่าจะเปิดหรือปิดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น พัดลม ปั๊มน้ำ หรือพ่นหมอก โดยมีหลักการสำคัญ 3 ขั้นตอนคือ
1. ใช้ค่าจากเซนเซอร์ (Sensor Reading)
ระบบจะอ่านค่าจากเซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ในฟาร์ม เช่น:
- DHT22 → วัดอุณหภูมิและความชื้นอากาศ
- Soil Moisture Sensor → วัดความชื้นในดิน
- Light Sensor (LDR/Photoresistor) → วัดความเข้มของแสง
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งเข้าสู่ ESP32 และแสดงผลบนแอป PoPo แบบ Real-time
2. การเปรียบเทียบค่ากับ Setpoint
เมื่อระบบได้รับค่าจากเซนเซอร์แล้ว จะนำมาเปรียบเทียบกับ ค่ามาตรฐาน (Setpoint) ที่ผู้ใช้ตั้งไว้ในแอป เช่น:
- อุณหภูมิสูงกว่า 32°C → เปิดพัดลม
- ความชื้นดินต่ำกว่า 40% → เปิดปั๊มน้ำ
- ความชื้นอากาศต่ำกว่า 55% → เปิดพ่นหมอก
หลักการนี้ช่วยให้การควบคุมอุปกรณ์เป็นแบบ “มีเงื่อนไข” ไม่ใช่เปิดปิดสุ่มสี่สุ่มห้า
3. การสั่งงานอุปกรณ์ผ่านรีเลย์ (Relay Control)
เมื่อค่าเซนเซอร์เกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ESP32 จะส่งสัญญาณไปยัง รีเลย์ (Relay Module) เพื่อควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น:
- พัดลม (Fan) → ลดอุณหภูมิในโรงเรือน
- ปั๊มน้ำ (Pump) → รดน้ำเพิ่มความชื้นในดิน
- พ่นหมอก (Fogger) → เพิ่มความชื้นในอากาศ
เมื่อค่ากลับมาอยู่ในช่วงที่เหมาะสม รีเลย์ก็จะปิดอัตโนมัติ ทำให้ระบบประหยัดพลังงานและยืดอายุอุปกรณ์
พูดง่าย ๆ คือกระบวนการ “เซนเซอร์ → เปรียบเทียบกับ Setpoint → รีเลย์สั่งงาน”
นี่คือหัวใจของระบบควบคุมอัตโนมัติใน PoPo
ข้อดีของการใช้โหมด Auto
- ลดการดูแลแบบ Manual
- ประหยัดพลังงานและน้ำ
- ควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับพืช
สรุป
- โหมด Auto เป็นหัวใจสำคัญของระบบ PoPo
- ใช้งานง่าย ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้
- เหมาะกับทั้ง Smart Farm ขนาดเล็ก และงานทดลองในห้อง






